รากฟันเทียม เริ่มต้น 39,000 บาท
รากฟันเทียม (Dental implant) คือ รากฟันที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อใส่ติดแน่นร่วมกับครอบฟัน (Implant crown) หรือฟันเทียมชนิดฐานพลาสติก (Acrylic denture) เพื่อทดแทนฟันธรรมชาติที่สูญเสียไป จัดเป็นฟันเทียมชนิดติดแน่นในช่องปาก โดยส่วนของตัวรากเทียม (implant fixture หรือ implant post) จะยึดอยู่กับกระดูกขากรรไกร และมีส่วนครอบฟันหรือฟันเทียมชนิดฐานพลาสติกสวมทับ ตัวรากเทียมในปัจจุบันทำจากโลหะไทเทเนียมหรือเซรามิกเซอร์โคเนีย ซึ่งสามารถเข้ากันได้ดีกับกระดูกขากรรไกร ก่อให้เกิดอาการแพ้ได้น้อยมาก
ข้อดีของ รากฟันเทียม
- ช่วยเพิ่มความมั่นใจ ทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
- ไม่ต้องกรอแต่งฟันข้างเคียง
- สามารถบดเคี้ยวได้ดี
- ไม่มีปัญหาเรื่องการออกเสียง เมื่อเทียบกับฟันเทียมชนิดอื่น ๆ
- ช่วยให้รู้สึกสบายเมื่อใส่ฟันเทียมแบบถอดได้ แน่นกระชับมากยิ่งขึ้น
- ป้องกันการสูญเสียฟันและกระดูกข้างเคียง
- สวยงาม ดูเป็นธรรมชาติ
- เสริมสร้างสุขภาพช่องปาก
- มีความคงทน
- เมื่อใช้ร่วมกับฟันเทียมแบบถอดได้ จะหมดปัญหาฟันเทียมขยับระหว่างพูดคุย หรือทานอาหาร
ใครและเมื่อไร ที่ต้องทำรากฟันเทียม?
หลัก ๆ แล้ว ผู้ที่ต้องทำรากฟันเทียม ก็คือ ผู้ที่สูญเสียฟันแท้ ต้องการการบดเคี้ยวที่ดี หรือทดแทนฟันที่เหลืออยู่แต่ไม่แข็งแรง และต้องการยิ้ม พูดคุยได้อย่างมั่นใจ
โดยทั่วไปแล้ว การรับการรักษาด้วยรากฟันเทียม สามารถทำได้ทุกคนโดยไม่กำหนดช่วงอายุ แต่ก็มีข้อจำกัดอยู่บ้าง โดยผู้ที่ไม่เหมาะสมจะทำรากฟันเทียม คือ
- ผู้ที่อายุยังไม่ถึง 18 ปี เนื่องจากกระดูกขากรรไกรยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่
- หญิงตั้งครรภ์ ควรรอให้คลอดบุตรก่อนทำรากฟันเทียม
- ผู้ที่มีโรคประจำตัวบางอย่าง เช่น โรคเบาหวาน ที่เสี่ยงต่อการเลือดไหนไม่หยุด ผู้ป่วยมะเร็ง ที่ต้องได้รับการฉายรังสีบริเวณใบหน้าและขากรรไกร ผู้ป่วยโรคปริทันต์อักเสบรุนแรง ผู้ป่วยลูคิเมีย ผู้ป่วยไฮเปอร์ไทรอยด์ ผู้ป่วยที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกัน หรือสูบบุหรี่ ซึ่งจะส่งผลต่อความสำเร็จในการทำฟันเทียม ผู้ป่วยที่มีอาการไขข้ออักเสบรุนแรง เป็นต้น
- ผู้ป่วยจิตเภท หรือผู้ป่วยที่มีปัญหาเรื่องการควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อ หรือผู้ป่วยที่ไม่สามารถดูแลรักษาสุขภาพช่องปากเองได้
อายุการใช้งาน และการดูแลรักษารากฟันเทียม
รากฟันเทียมที่ทำมาจากไททาเนียม จะมีความคงทนสูงมาก โดยอายุการใช้งาน จะขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาสุขภาพช่องปากของผู้ป่วย รากฟันเทียมจะไม่เกิดผุ แต่สามารถเกิดโรคเหงือกอักเสบได้หากดูแลไม่ดี โดยการดูแลรักษารากฟันเทียม ก็ไม่ต่างอะไรจากรักษาฟันธรรมชาติตามปกติ คือ การแปรงฟัน ใช้ไหมขัดฟัน น้ำยาบ้วนปาก และเข้ารับการตรวจสุขภาพช่องปากเป็นประจำ